วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2559

สงบ ร่มรื่น เย็นสบาย


บ้าน

         สงบร่มรื่น ร่มเย็น มีความเงียบสงบ เป็นที่อยู่อาศัยที่เราอยู่มาตั้งแต่เด็กๆ บ้านหลังนี้มีความอบอุ่นมากมายยิ่งนัก ในบ้านหลังนี้หลอหลอมให้เรารักวัฒนธรรมโบราณ ความสวยสดงดงามอันทรงคุณค่า ที่แม้จะไม่หรูหรา สะดวกสบาย หรือเพียบพร้อมแต่เราก็รักในบ้านหลังนี้ของเรา
        บ้านหลังนี้ บ้านที่สมบูรณ์แบบที่สุด เป็นสถานที่ที่มีความอบอุ่นมากมาย เพราะว่าการที่ได้อยู่กันพร้อมหน้า พร้อมตา สายสัมพันธ์ของครอบครัวที่เหนียวแน่น สิ่งที่เราจดจำไม่รู้ลืมคือการได้วิ่งเล่นกับพี่และน้องๆ เพื่อนๆที่ลานหน้าบ้าน แม้ว่าจะไม่มีเครื่องเล่น หรือสวนสนุกก็ตาม แต่ก็สนุกสนานมากมาย
        ความสุขที่ได้อยู่บ้าน บ้านที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีพัดลม ไม่มีแอร์ ไม่มีโทรทัศน์ เครื่องใช้ไฟฟ้า มีแต่ทรานซิสเตอร์เครื่องเก่าๆที่รับชัดบ้างไม่ชัดบ้าง  ตามสภาพการใช้งานที่เรานั้นเกิดมาก็เห็นวิทยุเครื่องนี้แล้ว  ซึ่งเอาไว้เปิดฟังข่าวสารบ้านเมืองเท่านั้น
          ชีวิตของเรา ที่เราต้องเลือก เลือกที่จะเดิน หรือเลือกที่จะก้าวเดินต่อไปในอนาคต ลงมือทำ และคิดให้เป็นระบบ การวางแผนในการก้าวไปข้างหน้า ในเมื่อก้าวมาถึงขนาดนี้แล้ว อย่ามั่วไปกลัวหรือหวั่นไหวทำไม ต้องแน่้วแน่พร้อมที่จะก้าวไปให้ถึงที่สุด ต้องทำให้จงได้
         ความจริงที่เราต้องเผชิญ อย่างเร็ว หรือช้า ล้วนต้องพบต้องเจอไม่ว่าสิ่งนั้นๆจะเป็นปัญหาน้อยหรือปัญหาใหญ่ อย่าไปใส่ใจ อย่าไปสนใจ จงมั่นใจในการกระทำที่เรานั้นได้กระทำ ทำในสิ่่งที่คิด คิดในสิ่งที่ทำ ก่อนลงมือทำควรคิดและไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนเสมอ
          ความหวั่นไหว ประหวั่น พรั่นพรึง ใจคอหอเหี่ยว ไร้สิ้นเรี่ยวแรง แทบจะไม่มีลมหายใจ หรือจะมีชีวิตและร่างกายในการพยุงเดินไป เรี่ยวแรง แทบจะไม่มีเดินต่อไป สุดท้ายก็หมดสิ้นลมหายใจ ไม่สามารถมีชีวิตต่อไป อ่อนแอก็ต้องแพ้ไป เป็นวัฎจักรของชีวิต
      
       

บ้านของเรา

บ้านของเรา

      บ้านหลังนี้ มีความสุขมากมาย การที่เรามีบ้าน ซึ่งแม้ว่าจะเป็นบ้านหลังเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่โตโอฬารมากมายนัก แต่ก็ทำให้เรามีที่อยู่อาศัยกันอย่างมีความสุข สุขกาย สบายใจในบ้านของเรา  กลับบ้านมาแล้ว เข้าบ้านได้พักผ่อนในบ้านของเราอย่างมีความสุข
     บ้านเรา แสนสุขใจ สุขใจที่มีบ้าน แม้ว่าจะไม่มีเวลาที่จะอยู่บ้านในช่วงกลางวันน้อยก็ตามที แต่เราก็ยังได้อยู่ในช่วงเวลาเลิกงาน เลิกงานรีบกลับบ้าน อยู่บ้านแล้วสบาย ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย งานเลิกแล้วหยุด ฝากไว้ที่ทำงาน อยูบ้าน พักผ่อนให้สบายใจ
     บ้าน ใครหลายๆคน ไม่เลือกที่จะมีบ้าน แต่เลือกที่จะเลือกซื้อรถยนต์ ผ่อนรถยนต์ แล้วก็อยู่ห้องแถวหรือเช่าบ้านอยู่ สุดท้ายรถโดนยึด เพราะว่ามีค่าใช้จ่ายหลายๆทาง บางคนดิ้นรน อยากมีชีวิตที่มีความสะดวกสบาย แต่ไม่คำนึงถึงรายได้ของตนเองอย่างแท้จริง

ธนบัตร ร.๙

ธนบัตร ร.๙


             ธนบัตรที่ร้านของเรานั้น มีหลากหลายชนิดให้เลือก สนใจมาชมก่อนนะครับ ไม่ซื้อไม่หาไม่ว่าอะไร ขอให้แวะมาทักทายกันก่อน มาแวะชมก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะอุดหนุนหรือไม่อย่างไร

วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ชีวิตนี้น้อยนัก

ชีวิตนี้น้อยนัก
     ชีวิตนั้นเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะมีชีวิตที่ดีได้ ทั้งชีวิตเกิดมานั้นต้นทุนชีวิตนั้นไม่มีเหมือนคนอื่นๆเขาบ้างเลย มีแต่ความอดอยากเท่านั้น ที่เราต้องพบเจอเหมือนเป็นมิตรแท้ที่อยู่กับเรานั้นตลอดมา ความสะดวก ความสบายนั้นเป็นอย่างไร ความสุขนั้นเป็นอย่างไร ความสำเร็จนั้นเป็นเช่นไร
    เด็กบ้านนอก การศึกษาที่เป็นต้นทุนแค่ประถม ย่อมตกเป็นเหยื่อในสังคมที่ต้องการเอารัดเอาเปรียบอย่างแน่นอน สังคมเมืองนั้นเป็นอย่างนี้จริงๆ การช่วยเหลือให้การพักพิง แทบหาไม่เจอในสังคมอย่างสิ้นเชิง มีแต่จ้องจะเอาเปรียบทุกกระเบียดนิ้ว อ่อนแอ ย่อมตกเป็นเหยื่ออย่างแน่นอน
     ชีวิตที่ต้องดิ้นรนมาโดยตลอด เพื่อหาความสำเร็จ ต้องการความรู้ที่แท้จริง เพื่อช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่าไม่ให้โดนรังแกเหมือนอย่างเรา พร้อมให้ความช่วยเหลือในสิ่งที่เรานั้นช่วยได้อย่างแท้จริง เพราะว่าตัวเรานั้นโดนรังแกมาโดยตลอด แทบแหลกสลายหายไปจากโลกนี้เลยทีเดียว
     ความเข้มแข็งทำให้เรามีกำลังใจในการก้าวไปข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่ย่อท้อต่อสิ่งใดๆทั้งสิ้น  เราพร้อมแล้วในการต่อสู้กับทุกสิ่งทุกอย่าง เราไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดๆทั้งสิ้นอีกต่อไป ในเมื่อเรามีองค์ความรู้ที่พร้อมสรรพแล้ว จะไปกลัวทำไม ใครให้้เกียรติเรา เราสรรเสริญ ใครดูหมิ่นเรา ต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสมอย่างแน่นอน
    เราต้องแกร่งมากยิ่งขึ้น เพิ่มขึ้นอีก ใครที่เคยดูหมิ่นเรา ต้องเจอ ใครที่ให้กำลังใจเรานั้นเราชื่นชมและคบต่อไป ไม่ใส่ใจกับคนที่เห็นแก่ตัวอีกต่อไป  ใครมาตอแยต้องได้รับการตอกกลับอย่างสาสมที่สุด การก้าวมาถึงตรงจุดนี้ได้เพราะว่าเรานั้นกระเสือก กระสนมาโดยตลอด ไม่มีใครมาสนับสนุนแม้แต่คนเดียว
    ยืนหยัดด้วยตนเองมาโดยตลอด ในเมื่อมีต้นทุนชีวิตน้อยนิด แต่ไม่คิดย่อท้อแม้แต่น้อย ยังยืนหยัดสู้ด้วยใจขาดดิ้น ในเมื่อยังมีลมหายใจจะกลัวไปทำไมกับอุปสรรคที่มีเข้ามา มีปัญหาก็ต้องมีปัญญาแก้ไขได้เสมอ ตั้งสติ มีสติตลอดเวลา สู้และพร้อมเผชิญในทุกๆปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ ก้าวไปข้างหน้าอย่าหวั่นไหวหรือเกรงกลัวสิ่งใดไม่มีสิ่งใดที่ยากเกินความสามารถของเราไปได้

วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ร้านของเรา

ร้านธนบัตร
สนใจธนบัตรเยี่ยมชมได้นะครับ
เบอร์โทร 0917977531

email : pramotec@sau.ac.th 
                       
 
ขอขอบคุณที่มาอุดหนุน

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559

แบบนี้ก็ดีนะ

แบบนี้ดีนะ
      ถ้าเราคิดได้แบบนี้ คงไม่ไม่มีใครต้องมาเดือดร้อน ในการกระทำของเราอย่างแน่นอน  ควรคิด ควรไตร่ตรองอย่างรอบคอบละเอียดถี่ถ้วน ความประมาทขาดการยับยั้งชั่งใจ ดื้อดึง ไม่ยอมในสิ่งใดๆทั้งสิ้น เป็นการกระทำที่เป็นการขาดสติ ไร้สติอย่างสิ้นคิด ไร้จิตวิญญาณ
      ต้องมีสติตลอดเวลา  ไม่ว่าปัญหาใดๆทั้งสิ้นที่เข้ามานั้น ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นต้องมีแนวทางแก้ไขและมีทางออกที่ชัดเจนที่สุด ปัญหามีมากมาย แต่ก็เป็นปัญหาที่เดิมๆที่ล้วนเข้ามาในแต่ละวันนั้น ทำไมต้องไปกังวล ทำไมต้องไปเกรงใจใคร ในสิ่งที่เราทำอย่างดีที่สุด
      ตั้งสติคิดก่อนลงมือทำเสมอ ไม่ว่าจะลงมือทำในสิ่งใดๆทั้งสิ้น มีสติอยู่ตลอดเวลา ในการลงมือคิด ลงมือทำในหน้าที่การทำงาน การดำเนินชีวิตในปัจจุบัน เราต้องสู้ และฝ่าฟันอุปสรรคนานับประการให้สำเร็จลุล่วง ก้าวข้ามไปให้จงได้ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่แท้จริง
       มีสติตลอดเวลา ทั้งในเวลาที่เราทำงาน การใช้ชีวิต คิดก่อนลงมือทำเสมอในทุกๆครั้ง เพื่อป้องกันการผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น หรือให้เกิดการผิดพลาดที่น้อยลง การมีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่รู้ จากผู้รู้จริงและไม่จริง ทำให้มีข้อเปรียบเทียบ และเกิดการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงเพื่อให้ดียิ่งขึ้น

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2559

มองให้เห็นอดีต

มองให้เห็นอดีต
      อดีตที่ดีนั้น เราต้องบันทึกไว้เพื่อเป็นความทรงจำของเรา เพราะว่าในสิ่งใดๆก็ตามล้วนไม่จริงแท้แน่นอนทั้งสิ้น ความทรงจำนั้นควรจดและจำในสิ่งที่ดีๆมีสาระสำคัญถูกต้อง แต่เมื่อไรก็ตามในสิ่งที่เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องนั้น อาจเป็นการกระทำที่ขาดการยับยั้งชั่งใจ ย่อมทำให้สิ่งนั้นไม่สมควรแก่การจดจำแทบทั้งสิ้น
      อดีตแห่งความทรงจำ สิ่งที่ต้องการจดจำ คือการกระทำซึ่งนำมาแห่งความสำเร็จ และเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ความทรงจำดีๆการกระทำดีๆ เป็นสิ่งที่ทำแล้วเป็นที่ประทับใจได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก อยู่ที่เราเลือกว่าจะจำหรือว่าจะลืม ต้องไตร่ตรองให้ละเอียดถี่ถ้วน
     อดีตที่ดี ควรนำมาเป็นสิ่งเตือนใจให้เข้มแข็ง สิ่งที่ไม่ดีก็ไม่ต้องนำมาจดจำให้เปลืองสมองเปล่าๆ ให้จดจำและกระทำในสิ่งที่ดีๆต่อไป ทำในสิ่งที่สมควรกระทำ อย่ากระทำตามใจใคร มีจุดยืนที่เป็นตัวของตัวเอง เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำย้ำเตือนความทรงจำที่ผ่านมาเป็นสิ่งเตือนใจ
    อดีตคือความทรงจำที่ดีของทุกคน เป็นสิ่งเตือนใจ และเป็นแง่คิดที่ดีในการส่งเสริมให้เราน้ันมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เป็นภูมิคุ้มกันให้กับคนที่มีประสบการณ์ในการทำงานมาเป็นอย่างดี  การมีอดีตที่ประทับใจย่อมนำไปสู่ความคิด การกระทำที่ยิ่งใหญ่ได้ต่อไปอย่างดีที่สุด
    อดีตของเรา การที่ได้ผ่านการทำงานมาหลายงาน หลายหน้าที่ หลายแห่ง ทำให้เรามีความรู้ในหน้าที่การงาน นิสัยใจคอของคนที่หลากหลาย  การที่จะก้าวผ่านมาได้นั้น ความอดทน อดกลั้นต้องมีในจิตใจ ความเชื่อมั่นในการที่จะต้องทำให้ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง
     การมีอดีตที่ประทับใจ สมควรนำมาเป็นสิ่งที่เตือนสติได้ นำมาเป็นแง่คิดในการดำเนินชีวิต เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดในการทำงาน ในการศึกษาเรียนรู้ สิ่งใดควรหรือไม่ควรกระทำ ย่อมทำได้ คิดได้ เตือนสติให้รู้ ให้คิด ประสบการณ์ชีวิต เป็นแง่คิดอย่างแท้จริง
                                                                ปราโมทย์ โชติช่วง ณ ราชบุรี
    
    

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2559

ตะวันตกดิน

ตะวันตกดิน
       ตะวันตกดิน ไม่เคยสิ้นอาลัย ตะวันขึ้นตอนเช้าตรู่ และจะตกในตอนเย็นพลบค่ำ วนเวียน เปลี่ยนไปตามกาลเวลา และวัฎจักรของธรรมชาติ ที่คงไว้เป็นนิรันดร แสงตะวันลางเลือนไป โดยมีความมืดเข้ามาปรกคลุมอาณาบริเวณในทุกหนทุกแห่ง ให้มืดสนิทลง
      ตะวันตกดิน ในเมื่อมีขึ้นก็ต้องมีลง เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนจริงๆ สำหรับการดำเนินชีวิต ในเมื่อขึ้นมาแล้ว ควรทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อย่าปล่อยให้สิ่งที่ดีๆหลุดลอยไป เหตุและผลเป็นสิ่งที่ดีและสมควรคำนึงเป็นอย่างยิ่ง ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามบทบาทของตนที่มีอยู่ให้เต็มความสามารถและมีประสิทธิภาพ
       ตะวันตกดิน สิ้นแสงสว่าง  ในคราที่ต้องพักผ่อน ผ่อนคลาย พักคราใด ต้องพักอย่างจริงจัง อย่าวิตก ควรพักผ่อนให้มากที่สุด เพื่อลุกขึ้นมาแล้วจะได้มีพลังที่เจิดจรัส ทอประกายอย่างเต็มที่ และทำหน้าที่อย่างสุดความสามา รถ และมีพลังอำนาจที่แรงกล้าต่อไปนานแสนนาน
       ตะวันตกดิน เป็นกิจวัตรบนโลกแห่งนี้ ที่เราน้ันประสบพบเจอและเห็นเป็นประจำ ตามธรรมชาติที่ต้องมีเกิดและก็ต้องมีดับ อนิจจัง ในสิ่งที่เกิดขึ้น เกิดแล้วก็ต้องมีดับ เป็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์ ที่ต้องพบ ที่ต้องเจอ กันในทุกๆสิ่งล้วนจริงแท้แน่นอนทุกประการ
 
           นายปราโมทย์ โชติช่วง ณ ราชบุรี
 

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2559

บ้านของเรา

บ้านของเรา
      บ้านเราที่มีความอุดมสมบูรณ์  อยู่แบบพึ่งพาอาศัยธรรมชาติ เพื่อการดำรงอยู่ที่อิงธรรมชาติ ไม่ทำลายธรรม ชาติที่สวยสดงดงาม เพื่อการดำรงอยู่ที่ดีต่อไป ในน้ำมีปลาในนามีข้าวที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจมาหลายชั่วอายุคน
      ธรรมชาติบ้านเรานั้น สมัยก่อนความอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ไม่อดอยาก เดินออกไปนาก็ได้ปลาปลามากินแล้ว เป็นวิถีที่เราชอบมากที่สุด ตอนเป็นเด็กๆชอบออกไปนาหาปลามากินกัน ปลาเล็กๆปลาใหญ่ มีให้จับมากมาย แป๊บเดียวก็ได้ปลามากินแล้ว
      ท้องนาบ้านเรา เราชอบเดินออกไปเดินหาปลา ปักเบ็ด ในท้องนาที่มีปลาชุกชุม ในบางครั้งปักเบ็ดยังไม่ทันเสร็จก็มีปลามากินเหยื่อเบ็ดที่เรานั้นได้ปักไว้แล้ว ตกตอนกลางคืนนำ ยอ (อุปกรณ์หาปลาคล้าย มุ้ง) ไปยกกุ้งที่ปลายนาที่มีน้ำไหลหลาก ได้กุ้งมากมายเป็นอาหารในมื้อต่อไป
      ชีวิตท้องนา การใช้ชีวิตในชนบทนั้นมีความสุขมากมาย ไม่ต้องไปแข่งขันกับใครๆ ไม่ต้องไปกังวลในสิ่งใดๆ ข้าวก็มีกิน ปลาก็มีกิน บ้านก็มีอยู่ไม่ต้องเดือดร้อน และก็ไม่ต้องไปแย่งอากาศใครๆหายใจ ท้องทุ่งนามีอากาศสดชื่นเย็นสบายมากมายยิ่งนัก
      บ้านเราที่ท้องทุ่งนา มีข้าวปลาที่อุดมสมบูรณ์ มีต้นข้าว ที่เขียวขจี มีน้ำใสในนาข้าวที่มองเห็นลูกปลาตัวน้อยๆเป็นกลุ่มๆแหวกว่ายไปมา มีฝูงปลาซิวตัวน้อยใหญ่มากมาย ว่ายตามกันไป มีลูกกุ้งหาอาหารกินที่ต้นโคนต้นข้าวประมาณ 4-5 ตัว กินกันอย่างสนุกสนานร่าเริง
                                                                                                          ปราโมทย์ โชติช่วง ณ ราชบุรี
      

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2559

ถนนหนทาง

ถนนหนทาง
       ทางเดินที่ทุลัก ทุเล ทางเดินที่ราบรื่น ทางเดินที่ต้องการความสำเร็จ ทุกเส้นทางที่มีไว้ให้เราเดินนั้น ล้วนเป็นเส้นทางที่กำหนดให้เดิน เพราะว่าเรานั้นไม่สามารถกำหนดเส้นทางเดินเองได้  ทางที่เดินนั้น เป็นเส้นทางที่ต้องใช้เดินในทุกๆวัน ซึ่งแล้วแต่ว่าวันไหน ที่ท้องฟ้าโปร่ง วันไหนท้องฟ้าปิด เส้นทางที่เดินนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป  หนทางที่เดินนั้นมีอุปสรรคขวากหนาม  บางแห่งหนนั้น แทบไม่น่าเชื่อว่านี้เหรอ นี้น่ะเป็นเส้นทางที่ใช้เป็นทางสัญจร บนโลกนี้ยังมีหนทางที่เดินแบบนี้ด้วยเหรอเนี้ย ช่างเป็นเวร เป็นกรรมแท้จริงบนโลกใบนี้ ถ้าไม่ได้สัมผัสด้วยตา หรือได้เดินเหยียบย่ำมาจริงๆ
     หนทาง ทุกแห่งหน ล้วนแต่พบ ล้วนแต่เจอ สิ่งที่เป็นด่านทดลองใจ กว่าจะก้าวข้าม ก้าวผ่านมาได้นั้น สุดแสนทุลัก ทุเลสิ้นดี ในบางครั้งถึงขั้นเลือดตก ยางออก ก็มี มีบาดแผล แผลเป็นที่เป็นความทรงจำไว้คอยย้ำเตือนให้เห็น ให้เตือนสติ เพื่อให้รู้ว่าเส้นทางที่เดินผ่านมานั้น ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หรือ ปูด้วยพรมแดงเสมอไป ทุกหนทางต้องฝ่าฟันด้วยกันทั้งสิ้น ขึ้นอยู่ที่ว่าใครจะมีความอดทนมากน้อยแค่ไหน ใครอ่อนแอก็แพ้ไป เห็นมามากมายแล้ว สำหรับคนที่ไม่อดทน หรือมีใจที่ไม่เข้มแข็งพอ หรือมีความพร้อมในการก้าวเดินต่อไป
    ถนนหนทาง ในบางแห่งนั้น แทบมองไม่ออกเลยว่านี้นะ คือถนนหนทางที่ใช้สัญจร แทบไม่มีความเป็นถนนบ้างเลย แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่านี้หรือคือถนนหนทางที่ทำให้คนใช้สัญจรไปมา หรือว่ามีให้แล้ว ก็แล้วแต่ ตามยถากรรม สนใจไปก็เท่านั้นอย่างนั้นหรือไม่ บนโลกนี้มีพื้นที่เฉพาะคนที่เข้มแข็งและมีความอดทนสูงเท่านั้นใช่หรือไม่หรือว่ามีที่สำหรับยืนแต่ผู้ที่มีต้นทุนชีวิตพร้อมเท่านั้นหรือ

ลมหายใจ

ลมหายใจ
            ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ เราต้องดิ้นรน ดิ้นให้ถึงที่สุด ก้าวไปข้างอย่างมีจุดหมายปลายทางด้วยใจที่ทรนง ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดๆทั้งสิ้น ในเมื่อเรามีความมุ่งมั่น มีความพยายามที่จะทำ มุ่งที่จะตามฝันให้พบ และทบทวนในสิ่งที่เรานั้นได้กระทำลงไป เพราะว่าในสิ่งได้ลงมือทำนั้น ไม่มีสิ่งใดที่ผิดและถูกต้องเสมอไป
           การทำหน้าที่ของเรานั้นอย่างเต็มที่ เต็มพลัง และสุดความสามารถ ไม่มีสิ่งใดที่เรานั้นทำไม่ได้ ในเมื่อเรานั้นยังไม่ได้ลงมือทำอย่างจริงจัง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องคิดก่อนที่ลงมือทำ ไม่ไว้ใจใครโดยเด็ดขาด เราต้องลงทำด้วยตัวของเราเอง เพื่อการเรียนรู้อย่างจริงจัง
          ลมหายใจแห่งความพยายาม เราต้องมีความตั้งใจอย่างจริงจัง เชื่อมั่นในตนเอง มีจุดยืนที่เป็นของตนเอง มีความคิดที่เป็นของตนเอง ความคิดที่เราต้องคิดให้แตกต่างจากใครๆ มีแนวทางในการเดินที่แตกต่างออกไป ซึ่งเรานั้นมีจินตนาการที่เลิศล้ำไม่ซ้ำใคร
          สิ่งที่เรานั้นทำในวันนี้ ไม่ต้องไปเดินตามใครๆ เรามีการเดินทางที่เราเลือกเดินเอง กำหนดและเลือกเอง ไม่จำเป็นต้องไปเดินตามใครๆ ให้เสียเวลา ในเมื่อเรามีความคิด มีปัญญาที่คิดเองได้มิใช่หรือ การมีสติตลอดเวลา ในการคิด ในการกระทำ คิดก่อนลงมือทำเสมอ

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ท้องทุ่งนา

ท้องทุ่งนาอันกว้างใหญ่ไพศาล
          สำหรับใครที่ต้องจากบ้านมาใช้ชีวิตวัยเรียนหรือทำงานในเมืองหลวง คงจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึก "คิดถึงบ้าน" โดยเฉพาะดินแดนที่ถูกเรียกว่า "บ้านนอก" ที่ซึ่งแม้จะไม่เจริญไปด้วยเทคโนโลยี สัญญาณ Wi-Fi หรือแม้กระทั่งไฟฟ้าที่เข้าไม่ถึง แต่ในที่เหล่านั้นเรามักจะพบกับความสุขใจที่แท้จริง...ความสุขใจที่เป็นความสุขภายในโดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี การได้เห็นท้องทุ่งสีเขียวอยู่รอบตัว พร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มปอด ก็นับเป็นความสุขเล็ก ๆ ที่หาได้ง่าย ๆ ในบ้านนอกเพราะข้าพเจ้าเกิดและเติบโตมาท่ามกลางท้องไร่ท้องนา การได้เห็นภาพทุ่งนาเขียว ๆ มันทำให้หัวใจเบิกบานเสียเหลือเกิน อีสานบ้านข้าพเจ้านั้นทำนาปีครับ ต้องอาศัยน้ำฝน ปีไหนฝนดีก็มีเฮ ปีไหนฟ้าฝนแปรปรวนก็ทนทุกข์กันถ้วนหน้า ทุ่งนาเหล่านี้แหละครับที่เป็นตัวผลักดันให้ข้าพเจ้าขวนขวายตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ตอนเป็นเด็ก ข้าพเจ้าออกไปทำนากับพ่อแม่แดดร้อนมาก ก้มทำนาปวดหลัง กว่าจะดำนาเสร็จ ปวดเมื่อยมากๆเลยตั้งใจว่าอยากช่วยชาวนาให้มีความเป็นอยู่ที่ดีบ้าง  พอข้าพเจ้าได้อ่านบทกลอน
           ของ จิตร ภูมิศักดิ์ ที่ว่า
           "เปิบข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจิณ เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน"
           ข้าพเจ้าเข้าใจดีเลยว่ามันจริงแค่ไหน กว่าจะได้ข้าวมาเนี่ยเสียเหงื่อเสียพลังงานไปเยอะมากขนาดไหน ทุกวันนี้พวกเรามีข้าวกินทุกมื้อได้ก็เพราะว่าชาวนานี้แหละ เราต้องขอขอบคุณชาวนาที่ทำนาปลูกข้าวให้พวกเราได้กินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ  ข้าพเจ้าคิดว่าทำอย่างไรก็ได้ที่ตอบแทนบุญคุณชาวนา คือ การกินข้าวให้หมดเกลี้ยงจาน ไม่กินทิ้ง กินขว้าง เป็นการสำนึกในการที่ชาวนาทำนาปลูกข้าวอย่างเหนื่อยล้า เพื่อให้เรามีข้าวกินอย่างสมบูรณ์พูลสุขได้เป็นอย่างดี

            ดังนั้น การทำนา ปลูกข้าวให้คนกิน จึงเป็นอาชีพที่ทรงเกียรติ ที่ทำให้เรานั้นมีข้าวกินกันอย่างอุดมสมบูรณ์ และยังมีกินมีใช้ มีเงินเรียนหนังสือ ส่งลูกได้เรียนสูงๆ มีการศึกษาที่เหมือนๆกับคนอื่นได้เป็นอย่างดี จึงต้องให้ความสำคัญต่อการทำนาและปลูกข้าวเป็นอย่างยิ่ง

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559

แสงสว่าง

แสงสว่าง
 
              การเริ่มต้นของวันใหม่...กับหัวใจดวงเดิมเมื่อวานเราอาจพบเจอสิ่งไม่ดี ไม่ชอบ ไม่สบายใจ แต่ใครจะรู้ว่า...วันนี้เราอาจพบเจอสิ่งดีดีบางก็ได้ในบางครั้ง...สิ่งที่เลือนลางเป็นเงาซ่อนเร้นอยู่ในใจเรา อาจเลือนหายไปกับกาลเวลา....เพราะวันเวลาที่ผ่าน...อาจนำเราไปสู่สิ่งใหม่ๆสิ่งนั้นอาจมาแทนที่ความทรงจำเก่าๆของเรา...เวลาที่ผ่านไป บางทีไม่ได้ทำให้เราลืม หรือลืมช้าเพราะเรามัวแต่ให้ความใส่ใจมันมากไปลองหาอะไรทำคั่นเวลาไป เราก็จะลืมมันได้อย่างน้อยก็อยู่ที่ใจเรานะว่าอยากลืม หรืออยากจำ ในสิ่งที่เราได้กระทำลงไป ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสิ่งที่เราทำลงไปนั้นจะประสบผลสำเร็จหรือไม่อย่างไร พรุ่งนี้ คือวันใหม่เสมอ เคยมีคนบอกว่าจะคิดมากทำไมในเมื่อ พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว
ปราโมทย์ โชติช่วง ณ ราชบุรี


วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ท้องทุ่งนา

ท้องทุ่งนา
            ท้องทุ่งนาบ้านเรา ที่มีแต่ความเขียวขจี มีอากาศที่บริสุทธิ์  กลิ่นอายของธรรมชาติที่ยังคงเอาไว้ด้วยความงดงามตามธรรมชาติ ทุ่งนาที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ในฤดูแห่งการทำนา  ความเคยชินต่อการตรากตรำทำนาด้วยความลำบาก ปลูกข้าวให้คนกิน เป็นอาชีพที่น่าภาคภูมิใจอย่างแท้จริง
           ทุ่งนา นาข้าวที่ได้ทำการปลักดำ ด้วยความชำนาญทำให้ต้นข้าวนั้นเจริญเติบโตทุกวันทุกคืน ต้นข้าวที่ปลูกลงไปในนาที่มีน้ำพอดี ด้วยความเคยชิน และด้วยความชำนาญในการทำนา ชาวนาจะรู้ดีว่าในการทำนานั้นจะต้องทำการกักน้ำเอาไว้ประมาณเท่าใด และเป็นเวลาใดที่ต้องเตรียมไถนาเอาไว้ เพื่อรอน้ำฝนที่ตกลงมาตามฤดูกาล ทำให้มีน้ำในการทำนาได้อย่างเต็มที่
           ทุ่งนา ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เป็นคำพูดที่คุ้นหูกันเป็นอย่างดี และเป็นคำที่ชาวนาฟังแล้วรู้สึกได้ถึงความหมายเป็นอย่างดี  ชาวนาทำนาด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่นายทุนที่จ้องเอาเปรียบนั้นก็ยังจะหาช่องทางในการเอาเปรียบชาวนาตามความเคยชิน และคิดว่าชาวนานั้นไม่มีช่องทางเลือกอื่น ก็จำเป็นต้องพึ่งพ่อค้า หรือนายทุนอยู่ดี เพราะว่าชาวนานั้นไม่มีต้นทุนชีวิตที่ดี ทุนรอนที่ใช้สำรองนั้นก็ไม่พอเพียงสักเท่าไร จึงไม่มีทางเลือกอื่น จำเป็นต้องพึ่งนายทุนอย่างไม่มีทางเลือกอื่นได้มากมายนัก
           ดังนั้น เราต้องให้ความสำคัญต่อการทำนา ต่ออาชีพทำนา ที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติ ให้สามารถดำรงอยู่ได้ และสามารถมีการดำรงชีวิตที่ดีมากขึ้นต่อไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชาวนานั้นควรจะได้สิทธิ และมีสวัสดิการคุ้มครองต่ออาชีพอย่างสมศักดิ์ศรี  เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีต่อไป
 
ปราโมทย์ โชติช่วง ณ ราชบุรี
         

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ศึกษาและสะสม

ศึกษาและสะสม
        วันนึงโอกาสผมก็มาถึง ผมได้เช่าพระสมเด็จที่ชำรุดก่อนเพื่อนำมาศึกษา ไม่ว่าจะเป็นสมเด็จวัดระฆัง บางขุนพรหม หรือวัดเกศไชโย  ซึ่งสิ่งที่ผมค้นพบสำหรับพระสมเด็จ มีดังนี้
       1. พระสมเด็จไม่ได้เล่นยากอย่างที่คิด เพียงแต่หาองค์ที่ดูง่าย ๆ ไว้ก่อน (บางคนคิดว่าเล่นยาก ผมคิดว่าอาจจะเนื่องมาจากจำนวนพระที่มีให้เห็น ให้ศึกษาน้อยกว่าพระชนิดอื่น ถ้ามีโอกาศได้เห็นของแท้มาก ๆ ก็จะศึกษาได้ง่าย แต่จะเห็นได้อย่างไรเพราะพระแพงมาก คนมีอยู่ก็หวงมากมาย และไม่ยอมให้ชมง่าย ๆ )
      2. พระสมเด็จปลอมยาก ผมถามผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่าน พูดเหมือนกันว่าถ้าเข้าใจสมเด็จแล้วไม่ยาก เพราะว่าพิมพ์พระที่ทำให้เหมือนมีมิติที่ยาก เนื้อหา ซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี ซึ่งของปลอมก็มีอายุไม่ถึง เรียกว่าธรรมชาติไม่ได้
      3. พุทธคุณสุดยอด อันนี้แล้วแต่ดุลพินิจแต่ละท่านนะครับเพราะว่าไม่เหมือนกัน แต่ละแนวความคิดกันไป
     4. ความนิยมซึ่งสิ่งที่ผมพบคือพระสมเด็จไม่เคยมีวันตก พระสมเด็จแต่ละองค์ แทบจะเป็นตัววัดดัชนีวงการพระได้  พระสมเด็จราคาตกอย่างอื่นๆก็คงจะราคาตกลงอย่างมากๆ หรือไม่ว่าพระใดที่แพงขึ้นก็จะไม่มีทางที่จะแพงกว่าพระสมเด็จไปได้
เคยมีคนพูดว่า "จะเป็นเซียนพระได้เต็มตัวได้อย่างไรถ้าไม่มีพระสมเด็จ" เพื่อน ๆ คิดว่าอย่างไรกันบ้างครับ       มีคนถามผมว่าจะศึกษาอย่างไร ผมจะเล่าจากประสบการณ์ในการศึกษามาบ้างพอสมควรของผมนะครับ
       1. เริ่มศึกษาจากพระเก่าราคาไม่แพงก่อน มีให้เลือกหลายวัด อาทิ พระครูสังฆ์ เป็นต้น
       2. ศึกษาตำราต่าง ๆ ให้มาก ศึกษาวิธีการสร้าง เนื้อหามวลสาร การตัดขอบ ลักษณะเนื้อพระ
       3. ถ้าอยากศึกษาสมเด็จพยายามหาสมเด็จที่ดูง่าย ๆ แนะนำคือ บางขุนพรหม กรุใหม่ เพราะมีทั้ง เนื้อหา คราบกรุให้ได้ศึกษาด้วย
      4. พยายามเช่าพระสภาพเดิม ๆ ที่สุด เนื่องจากพระที่ผ่านการเปลี่ยนสภาพ อาทิ การใช้สึก การล้าง จะทำให้พระดูยาก พยายามจำพระที่ดูง่ายไว้เป็นพื้นฐานจะได้ไม่สับสน
     5. พยายามระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากพระเนื้อผงสามารถแตกหักชำรุดได้ อย่าให้โดนน้ำโดยเด็ดขาด ซึ่งไม่เหมือนพระโลหะทั่วไป
       ลองค่อย ๆ ศึกษาและสะสมกันไปเรื่อยๆนะครับดูแล้วศึกษาแล้ว ส่องแล้วเพื่อน ๆ จะสนุกและชอบเหมือนผมครับท่าน
ปราโมทย์ โชติช่วง ณ ราชบุรี   

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2559

กระท่อมในฝัน วิมานของเรา

กระท่อมในฝัน วิมานของเรา
            บ้านของเรา วิมานของเรา อากาศที่บริสุทธิ์ที่เราสัมผัสได้ ลมหายใจที่สะดวกในการหายใจเข้าออก สูดแต่อากาศที่ไร้มลพิษเข้าไปในปอด ทำให้เรานั้นมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง จะเห็นได้ว่าคนที่อยู่ต่างจังหวัดนั้นมีสุข ภาพ พลานามัยที่แข็งแรง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยง่ายๆ
            บ้านที่เป็นธรรมชาตินั้น ในปัจจุบันหาสัมผัสได้ยากขึ้น แทบจะไม่มีให้เห็นเลยกับธรรมชาติที่สมบูรณ์ และวิถีชีวิตของชาวชนบท ที่มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย อยู่กันอย่างครอบครัวใหญ่ๆที่มีความอบอุ่น ความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำ ลำคลอง ที่ใสสะอาด ปราศจากสิ่งเน่าเหม็นของขยะ  ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ซึ่งหากินได้จากหน้าบ้านที่อยู่ใกล้ๆ แค่ออกไปใช้ แห สุ่ม ก็ได้ปลามากินอย่างมากมาย
            วิถีชีวิตของชาวบ้านในต่างจังหวัด มีความสุขกาย สบายใจ ไม่ต้องดิ้นรน แสวงหา แก่งแย่ง ชิงดี ชิงเด่นกับใครๆทั้งสิ้น  มีเพื่อนบ้านที่พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน แบ่งปันน้ำใจไมตรีให้แก่กัน ด้วยความจริงใจและมีมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน ให้ความรักและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีความเอื้ออาทร มีผักก็นำไปแลกปลา ใครมีปลานำไปแลกข้าว ใครมีข้าว นำไปแลกไข่ ฯลฯ เป็นวิถีชีวิตที่สงบสุข ไม่ต้องโหยหาความสำเร็จ ไม่ต้องการยศฐาบรรดาศักดิ์ ไม่ต้องการความยิ่งใหญ่ที่เหนือใครๆ ไม่เจ็บไม่ป่วย มีแรงทำงานก็มีความสุขแล้ว
             บ้าน คือวิมานที่อยู่บนดิน บ้านที่อบอุ่น อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูก ใช้ชีวิตแบบพอเพียง ไม่ยึดติดกับความฟุ้งเฟ้อมากมายนัก พอใจในสิ่งที่ตนมีและหามาได้ด้วยความสุจริต เป็นผู้นำครอบครัวที่เข้าใจและมีความรับผิดชอบ เข้าใจซึ่งกันและกัน อบรมสั่งสอนบุตรให้เป็นคนดี มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดี สำนึกในบุญคุณของแผ่นดิน แผ่นดินที่เป็นแผ่นดินเกิด ให้เรามีชีวิตอยู่ได้อย่างสงบสุข และมีสวัสดิภาพในการดำรงอยู่ที่ดีต่อไป นานเท่านานเทอญ
 ปราโมทย์ โชติช่วง ณ ราชบุรี
            
     

อยู่อย่างนี้แหละ

อยู่อย่างนี้แหละ
              
            ความเป็นอยู่ของคน ที่ต้องการความสุขสบาย ปลอดภัย สะดวกกาย สบายใจ ที่คนเรานั้นต้องการอย่างแท้จริง บ้านที่อยู่อาศัยที่คนเราต้องการมากที่สุด ที่ที่เรานั้นได้พักผ่อน What is the meaning of "home"  ?   บ้านหมายถึงตัววัตถุ อสังหาริมทรัพย์อันตั้งอยู่บนพื้นดิน  ที่ทุกคนไฝ่ฝันหาที่จะได้มันมาอย่างน้อย ก็สักหนึ่งครั้งในชีวิตหนึ่ง   อาจมีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งตามแต่รสนิยมของแต่ละคน  หรือ ....บ้านคือพื้นที่ของการใช้ชีวิตร่วมกันของสิ่งอันเกี่ยวข้อง  อาจจะเป็น พ่อ แม่  ลูก  หลาน  สมมี ภรรยา  สัตว์เลี้ยง  ต้นไม้  นก แมลง  กบเขียด  แสงแดด  สายลม  ฯลฯ
        บ้านมันมีชีวิตของมันเอง  อันขึ้นอยู่กับชีวิตทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกันอยู่ในบ้านหลังนั้น   บ้านที่ไม่มีคนอยู่เลยเราเรียกกันว่า "บ้านร้าง"  ซึ่งนั่นคือบ้านที่ดูเหมือนบ้านที่ไม่มีชีวิตชีวา พื้นที่ชีวิตสำหรับบ้านแต่ละหลัง  ก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านนั้นๆ บ้างคนใช้บ้านเพียงแค่เอาไว้นอน  เช้าก็ออกจากบ้านไป   กลับเข้าบ้านมาก็มืดค่ำทุกวัน กลับมาถึงบ้านก็อาบน้ำนอน  เช้าก็แต่งตัวไปทำงานอีก พอตกค่ำก็กลับมานอน  อย่างเดียว  พื้นที่ชีวิตของคนชนิดนี้ก็คงน้อยกว่าคนที่ชอบทำกับข้าวกินที่บ้าน คนที่ชอบกลับบ้านมาปลูกต้นไม้ตอนเย็นๆหรือตอนวันหยุด      คนที่มักจะพาสุนัขออกไปเดินเล่นที่สวนหลังบ้านทุกเช้าทุกเย็น   หรือคนที่เล่นกับลูกหลานที่สวนหลังบ้านทุกวัน    
      บ้านสำหรับความเห็นส่วนตัว(เฉพาะ)ของผมจึงมีความหมายถึงที่ที่เรามีพึ้รที่ชีวิตส่วนตัวตามบุคคลิกความชอบของแต่ละคน   แต่ละครอบครัว    โดยอาศัยแค่ตัวบ้านและองค์ประกอบต่างๆของบ้านเป็นเพียงแค่อุปกรณ์อำนวยความสะดวก หรือ EXCUTIONให้เราได้เกาะเกี่ยวไปเท่านั้น     ไม่ใช่สาระสำคัญที่สุดของชีวิตและความสัมพันธ์ของคนในบ้าน    เพราะแม้เฟอร์นิเจอร์จะถูกขนออกไป    ผ้าปูที่นอนจะเก่าจนขาด    ครัวจะเลอะเทอะลงไปบ้าง   แต่ไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่ากับชีวิตที่อาศัยอยู่ยังมีความสุข  ความสัมพันธ์ยังงดงามทุกชีวิตในบ้านเข้าใจกัน   และร่วมรับรู้หนาวร้อนทุกข์สุขของกันและกัน
       สำหรับผม...บ้านที่งดงามไม่จำเป็นต้องราคา สามสิบล้าน  ต้องเป็นคฤหาสน์หรูสิบห้องนอน หกห้องน้ำ  บนเน้ือที่ห้าไร่    แต่บ้านที่งดงามคือบ้านที่เจ้าของได้ใช้พื้นที่ชีวิตในบ้านได้เต็มศักยภาพของมัน    คือที่เดียวที่ปลอด ภัยที่สุดในโลกใบนี้ยามเมื่อภัยมาและหัวใจกำลังอาจเต็มไปด้วยความทุกข์     คือที่ที่เราจะนึกถึงเป็นที่แรกไม่ว่าเรากำลังมีความสุขที่สุดหรือกำลังทุกข์แทบหัวใจแหลกสลาย   คือเบาะที่จะรองรับเราได้เสมอไม่ว่าเราจะต้องถูกมนุาย์คนไหนในโลกใบนี้ถีบเราตกลงมาจากที่สูงไม่ว่ามากน้อยแค่ไหน    และคือที่หลบภัยกลับมาเลียแผลเมื่อออกไปโดนสัตว์ร้ายชบกัดมาจากโลกภายนอก
       ถ้าเราสามารถทำให้บ้านของเราทำหน้าที่ของมันได้เต็มกำลังไม่ว่าบ้านหลังนั้น จะเล็กเท่ารูหนู  หรือจะใหญ่โตมโหฬารดังวัง บ้านก็จะมีความหมายเท่าเทียมกันโดยไม่ต้องเอาขนาดหรือวัตถุมาวัดค่าใดๆทั้งสิ้น   เราควรกลับมาเห็นค่าความสำคัญของคำว่าบ้านกันได้หรือยังล่ะครับ
            

วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เหรียญพัดยศ

เหรียญพัดยศ
           ธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง  มีความละเอียดลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากขณะนี้เลย ทุกขณะเป็นธรรม  ทุกขณะมีธรรมเกิดขึ้นเป็นไปอยู่ตลอดเวลา ทั้งจิต(สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์)  เจตสิก(สภาพธรรมที่เกิดร่วมกับจิต)  และ รูป (สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร   ไม่ใช่สภาพรู้)   เป็นสภาพธรรมแต่ละหนึ่ง ๆ  ไม่ปะปนกันทางที่จะให้จิตเกิดขึ้นรู้อารมณ์  มี  ๖ ทาง คือ  ทางตา ทางหู  ทางจมูก  ทางลิ้นทางกาย   และทางใจ  เมื่อจิตเกิดขึ้นรับรู้อารมณ์ทางตา   ทางหู    ทางจมูก    ทางลิ้น  ทางกายแล้ว   ก็มีการคิดนึกต่อทางใจ  หรือในบางครั้งบางขณะ แม้ไม่ได้เห็นไม่ได้ยิน เป็นต้น  ก็คิดนึกได้   นี้คือความเป็นจริงของสภาพธรรม  ที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ใคร ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้  และ จิตบางประเภทก็เกิดขึ้นโดยไม่อาศัยทวารหนึ่งทวารใดเลยก็มี  ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน ๓ ประเภท คือ ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต และจุติจิต  ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นจิตประเภทใด    อาศัยทวารหรือไม่ได้อาศัยทวาร  ก็ตามเมื่อเกิดขึ้นก็จะมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยทุกครั้ง ตามสมควรแก่ประเภทของจิต  และเจตสิกที่ต้องเกิดร่วมกันกับจิตทุกขณะ มี ๗ ประเภท  หนึ่งในนั้น คือ  ผัสสเจตสิก    ซึ่งเป็นเจตสิกที่กระทบกับอารมณ์ที่จิตรู้   ที่กล่าวมานั้น  ไม่ว่าจะได้เห็นได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส  รู้สิ่งทีกระทบสัมผัสทางกาย และ คิดนึก ทางใจ ล้วนเป็นธรรม ทั้งสิ้น  ไม่มีตัวตนสัตว์บุคคลเลย 
     การที่คิดว่าว่าตนเองรู้อะไรล่วงหน้า  ก็ไม่พ้นไปจากความคิด  ซึ่งอาจจะถูกบ้าง ผิดบ้าง  ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอะไร  ต่อให้รู้ว่าในอนาคตข้างหน้าอะไรจะเกิดขึ้น  คนนั้นคนนี้จะมีชีวิตเป็นไปอย่างไร  แต่ไม่มีปัญญาไม่ได้เข้าใจธรรม แม้แต่ในขณะที่คิดก็ไม่รู้ว่าเป็นธรรม ไม่ได้รู้สภาพธรรมใด ๆ ตามความเป็นจริงเลย  ย่อมไม่สามารถที่จะพ้นไปจากทุกข์ได้    ก็ยังเต็มไปด้วยความไม่รู้ ความสำคัญตน และอกุศลธรรมประการต่าง ๆ ดังนั้น  กิจที่ควรทำอย่างยิ่ง    ก็คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาเพื่อรู้สภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏตามความเป็นจริง  สิ่งที่ควรรู้  ก็คือ ธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ครับ   

รับรู้อารมณ์

สติ
                 ทางที่เป็นทางให้รับรู้อารมณ์ มี 6 ทาง คือ ทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ  ทางตา(จักขุปสาทรูป) เป็นทางให้มีการเห็น   หู (โสตปสาทรูป)เป็นทางให้มีการได้ยิน จมูก(ฆานปสาทรูป) เป็นทางให้ได้กลิ่น ลิ้น(ชิวหาปสาทรูป)เป็นทางให้รู้รส   ทางกาย(กายปสาทรูป)   เป็นทางให้รู้กระทบสัมผัส เย็น ร้อน  เป็นต้นประสาทสัมผัส จึงมี 5 ประการตามที่กล่าวมา  ส่วนทางใจ ที่เป็นทางที่หก คือ   รู้สภาพธรรมทุกอย่าง ทั้ง สิ่งที่เห็น เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัส และเรื่องราว ความคิดนึกก็รู้ได้ทางใจครับ   ดังนั้น ประสาทสัมผัสทั้งหกตามที่เข้าใจกันทางโลก     ตามที่ผู้ถามถามมานั้น ในความเป็นจริง ก็ไม่พ้นจากสภาพธรรมที่เป็น จิต เจตสิกและรูป   ซึ่งก็คืออาศัยจิตรู้สิ่งต่างๆ    ซึ่งประสาทสัมผัสที่หก   ทางโลก  คือ รู้เหตุการณ์ต่างๆ ล่วงหน้าเป็นต้น   ซึ่งในความเป็นจริงในทางธรรม ก็คือ อาศัยทางใจ ทำให้มีการคิดนึก ตรึกไปเป็นเรื่องราวที่คิดนึก ถึงสิ่งบางสิ่ง ซึ่งอาจจะตรงหรือไม่ตรง แต่ที่สำคัญก็เป็นเพียงการคิดนึกเท่านั้นครับ   ซึ่งบุคคลที่สามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ถูกบ้างก็อาจเป็นเพราะเทวดาดลใจประการหนึ่ง หรือ เคยเป็นผู้อบรมฌาน สมถภาวนามาในอดีตชาติก็สามารถระลึกถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าได้บ้าง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องถูกเสมอไปครับ       ส่วนการจะรู้จักนิสัยของบุคคลใด   ก็ต้องอยู่ร่วมกันนานๆ ผู้มีปัญญาจึงจะรู้ได้ และใส่ใจถึงจะรู้ นอกเสียจากผู้มีปัญญาดังเช่นพระโพธิสัตว์ ย่อมรู้ลักษณะของบุคคลว่าคนนั้นเป็นอย่างไรครับ     สำหรับผู้ที่มีประสาทสัมผัสที่หกที่แท้จริง คือ ผู้ที่อบรมปัญญา ได้ฌานในขณะนั้น ก็สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ต่างๆได้อย่างถูกต้องด้วยกำลังของปัญญา ระดับฌานครับ  ซึ่งก็ต้องอบรมเหตุให้ถูกต้อง ประสาทสัมผัสที่หก ก็จึงไม่พ้นจาก ทางใจที่เป็น จิต เจตสิกทีเกิดขึ้น ประสาทสัมผัสที่หก   แต่การมีประสาทสัมผัสที่หก ที่ล่วงรู้เหตุการณ์ต่างๆ ไม่ประเสริฐ เพราะไม่เป็นไปเพื่อละทุกข์ สละ ละคลายกิเลสเลยครับ    แต่ประสาทสัมผัสที่หกที่ประเสริฐ คือ การคิดนึกที่ประเสริฐ คือ   ปัญญา   ความเห็นถูกที่เกิดพร้อมกับจิตที่เข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ว่าไม่ใช่เรา      นี่เป็นประสาทสัมผัสด้วยปัญญา และเป็นไปเพื่อดับทุกข์แท้จริง ละกิเลสประการต่างๆ เพราะความเจริญขึ้นของปัญญาครับ เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดครับ ขออนุโมทนา

วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ทำงานตั้งนานเงินผ่อนจักรยานยังไม่มีซะที

จักรยาน
          นวัตกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นเพิ่มความสะดวกสบาย และเกิดความนิยมใช้จักรยาน ในปี 1890 ถือเป็นยุคทองของจักรยาน ในปี 1888, John Boyd Dunlop ชาวสก็อต ได้เสนอการใช้ล้อที่มียางและมีลมข้างในขึ้นเป็นครั้งแรก ต่อมาได้ใช้กันอย่างกว้างขวาง ในช่วงเวลาต่อมา ฟรีล้อหลัง ได้ถูกนำมาใช้ ซึ่งทำให้ผู้ขับขี่ใช้งานง่ายขึ้น การประ ดิษฐ์นี้ ทำให้เกิด เบรกแบบโคสเตอร์ คือการหมุนบันไดกลับหลังเพื่อเบรก ในปี 1890s  ตัวสับเกียร์ และตัวบังคับที่แฮนด์ สายเคเบิลแบบมีปลอก ใช้เพื่อดึงเบรก ได้ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงนั้นเช่นกัน แต่ยังคงไม่ได้นำมาใช้กับรถจักร ยานทั่ว ๆ ไป ในช่วงทศวรรตนั้น กลุ่มนักปั่นจักรยาน มีเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งสองฝั่งของทะเล แอทแลนติก ทั้งการใช้งานในรูปแบบ ปั่นเพื่อ ท่องเที่ยวและ ปั่นเพื่อการแข่งขัน
        ซึ่งต่อมาได้รับความนิยม และขยายวงขึ้นอย่างกว้างขวางจักรยาน สามารถแบ่งประเภทหมวดหมู่ได้หลายแบบมาก โดยการใช้งาน โดยจำนวนของผู้ขี่ โดยโครงสร้าง โดยเกียร์หรือวิธีการขับเคลื่อน โดยชนิดของจักรยานที่พบได้ทั่ว ๆ ไปเช่น จักรยานใช้งานทั่วไป, จักรยานเสือภูเขา, จักรยานแข่งขัน, จักรยานท่องเที่ยว, จักรยานกึ่งเสือภูเขากึ่งทางเรียบ(hybrid)จักรยานครุยเซอร์ (cruiser) , และ จักรยานBMX จักรยานที่พบเห็นได้น้อย จักรยานนั่งสองตอน (tandems), จักรยานทรงต่ำ (lowriders), จักรยานทรงสูง(tall bikes), จักรยานฟิกซ์เกียร์, จักรยานพับ, จักรยานสะเทินน้ำสะเทินบก และ จักรยานนอนปั่น ที่มีความหลากหลายให้เลือกใช้งานตามความพึงพอใจ
       โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบปั่นจักรยานมาตั้งแต่เด็กๆ พอโตขึ้นก็ฝันว่าจะปั่นจักรยานไปโรงเรียน แต่ก็ไม่ได้ดั่งที่เราคิดและฝันเอาไว้ ด้วยต้นทุนชีวิตคนเรานั้นไม่เหมือนกัน ทำงานได้ก็คิดว่าจะต้องซื้อจักรยานให้ได้สักคัน ตามที่เราได้ตั้งปณิธานเอาไว้ แต่ด้วยต้นทุนชีวิตของคนเราที่แตกต่างกัน ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ค่าอื่นอีกมากมาย ซึ่งเหมือนกับว่า การที่เราทำงานมาตั้งนาน เงินจะผ่อนจักรยานยังไม่มีเลย
 
 ปราโมทย์ โชติช่วง ณ ราชบุรี

วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

อยากทำงาน อยากทำงาน อยากทำงาน

งาน งาน งาน

         แรงบันดาลใจมีหลายอย่างมารวมกัน ปกติแล้วจะมีทั้งความกลัวหรือความปรารถนาอย่างแรงกล้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การต่อสู้ของแรงบันดาลใจเป็นเรื่องที่คุณบอกตัวเองในหัวว่า “ฉันคิดว่าฉันทำได้” “ฉันคิดว่าฉันยังทำได้” และ “ฉันกำลังทำมันอยู่!” และจากความคิดพวกนี้ เรากำลังสร้างสามสิ่ง คือ พัฒนาความมั่นใจ มีเป้าหมายอยู่ และดำรงอยู่ในทิศทางนั้น เอาล่ะได้เวลาเริ่มแล้ว!
        ตื่นตัวอยู่ตลอด. สิ่งต่างๆ สูญเสียความแปลกใหม่ทันทีที่พวกเราเริ่มคุ้นเคยกับมัน เมื่อคุณเดินผ่านโบสถ์ซิสทีนในนครวาติกันหลายๆ รอบ คุณจะไม่สังเกตเห็นโบสถ์นั้นอีกต่อไป ถ้าคุณลงมือทำเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้มาสักพัก มีความเสี่ยงที่คุณจะรู้สึกเบื่อขึ้นมา ไม่นะ! คุณยอมให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่ได้ คุณต้องเปลี่ยนมันและคอยกระตุ้นประสาทการรับรู้ของคุณทดลองวิธีใหม่ๆ ให้เป้าหมายของคุณลุล่วง ถ้าคุณกำลังลดน้ำหนัก เลือกพฤติกรรมใหม่ที่ดีต่อสุขภาพ ถ้าคุณกำลังหารายได้ ลองกลยุทธ์ทางธุรกิจแบบใหม่ หรือใช้ระบบจัดการกับต้นทุนแบบใหม่ คอยตื่นตัวอยู่เสมอคิดภาพในหัวขอคุณ คอยเตือนตัวเองอยู่เนืองๆ ว่ามีอะไรบ้างที่เป็นทางที่ดีต่อคุณให้อยู่ในเกมนี้ เปลี่ยนหน้าจอคอมของคุณให้เป็นชุดภาพสร้างแรงบันดาลใจ เขียนโน้ตเล็กๆ ถึงตัวเองแปะไว้ในที่ที่คุณคาดไม่ถึง เตือนตัวเองว่า “โอ้ใช่ ฉันกำลังทำสิ่งนี้ และฉันใกล้จะทำสำเร็จแล้ว!” แน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยเลยล่ะ
        ขัดเกลาแผนการ.คุณมีเป้าหมายวางไว้และคุณรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะบรรลุเป้าหมายนั้น...แต่เมื่อคุณดำเนินตามแผนไปสู่เส้นทางแห่งดวงดาวคุณอาจพบว่าบางสิ่งที่คุณเคยคิดว่าจะช่วยให้คุณถึงฝั่งฝันนั้นไม่เป็นไปตามที่คุณ หรืออย่างน้อยที่สุด พวกนั้นใช้เวลานานเกินความคุ้มค่าที่จะลงแรงไป กับมันถึงเวลาที่ต้องวิเคราะห์ผลลัพธ์ และปรับเปลี่ยนบางอย่างเล็กน้อย
        กิจกรรมที่คุณทำมาตลอดเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายของคุณ ทีนี้ ดูว่าอันไหนที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุด? อันไหนที่มีความตั้งใจที่ดีแต่ไม่ส่งผลจริงจัง? เมื่อคุณสรุปได้ว่าอันไหนดีที่สุดและอันไหนไม่ใช่ พุ่งความสนใจส่วนใหญ่ของคุณไปที่กิจกรรมที่ให้ผลตอบแทนสูง เปลี่ยน “พวกนั้น” ให้ดียิ่งขึ้น แทนที่จะมีงานน่ากลัวอยู่หนึ่งงาน ทีนี้ คุณจะมีหลายงานที่คุณจัดการกับมันได้
        อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่. คุณจะพบขั้นตอนใกล้เคียงกันนี้ในบทความของ วิกิฮาว จำนวนมหาศาล (และจากสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนของคุณด้วย): อย่าปล่อยให้ความล้มเหลวเล็กๆ ฉุดคุณไว้ สิ่งเหล่านี้หลีกเลี่ยงไม่ได้และจะเกิดขึ้นแน่ แม้แต่คนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดก็ยังเคยล้มเหลว อันที่จริง พวกเขาอาจมีความล้มเหลว “มากกว่า” จำได้ไหม เอดิสันไม่เคยล้มเหลว เขาแค่พบหนึ่งหมื่นวิธีที่ไม่ประสบความสำเร็จแค่นั้นเอง
       ง่ายเกินไปที่จะล้มเหลวครั้งหนึ่งและปล่อยให้ตัวเองอยู่ในหลุมแห่งความเศร้า นี่ทำให้คุณไม่ได้กลับมาคุมบังเหียนล่ะหนึ่ง ทำไงได้ที่คุณทำไม่ได้ เมื่อคุณเจอกับความล้มเหลว รับรู้ว่านี่คือความล้มเหลว ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ สัก 15 นาที จากนั้นหยุด พรุ่งนี้คือวันใหม่ ความล้มเหลวของวันนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับอนาคตของวันพรุ่งนี้
ปราโมทย์ โชติช่วง ณ ราชบุรี

อยากทำงาน อยากทำงาน (2)

งาน(พิเศษ)

         น้ำมีเหลือครึ่งแก้ว ไม่ใช่พร่องไปครึ่งแก้ว. เมื่อเราคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เราอยากได้ ส่วนสำคัญก็คือการรู้ว่า เรายังไม่ได้มา นี่อาจกลายเป็นความรู้สึกแง่ลบที่ปั่นป่วน นำเราสู่เส้นทางความสงสารตัวเอง รู้สึกเฉื่อยชา และจมอยู่กับความเศร้าในที่สุด อย่าได้เดินไปทางนั้น! คิดถึงสิ่งที่คุณ “มี” อยู่ สิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณ ต่อเมื่อคุณคิดแบบนี้คุณจะทำให้สิ่งที่คุณมีอยู่นั้นดียิ่งขึ้นเขียนรายการสิบอย่างที่คุณมีและรู้สึกขอบคุณสิ่งเหล่านั้น อ่านรายการพวกนี้ทุกวัน (และใส่อันใหม่เข้าไปเวลาที่คุณคิดออกเพิ่ม) การโฟกัสกับสิ่งที่คุณทำ สร้าง และเป็นอยู่ นั้นจะสร้างความมั่นใจในตัวคุณ เมื่อคุณมีทัศนคติที่ว่า “ได้สิ ฉันทำได้!” (ย้อนกลับไปมองความสำเร็จในอดีตของคุณพิสูจน์ได้ว่าคุณก็ทำได้!) นี่จะทำให้เป้าหมายดูสำเร็จได้ง่ายดายขึ้นกว่าเดิมนิยามเป้าหมายและแผนการของคุณที่ทำให้คุณบรรลุเป้าหมาย. นี่ถึงเวลาที่เราให้คุณคิดในแง่บวก คุณต้องรู้ว่าคุณกำลังเริ่มมองโลกในแง่บวก
      แทนที่จะคิดว่า “ฉันไม่อยากเป็นคนเร่ร่อน และใช้ชีวิตอยู่อย่างยาจก” ให้คุณคิดว่า “ฉันอยากจะมีความมั่นคงทางการเงิน” ยอดเยี่ยมเลย ทีนี้ คุณจะวางแผนให้บรรลุเป้าหมายอย่างไรล่ะ?ก่อนอื่น ลองดูตัวอย่างนี้ สมมติคุณเขียนแผนรายรับขึ้นมา คุณอาจต้องวางแผนเรื่องงบประมาณ คุณอาจต้องกลับไปเรียนต่อ หรือขยายธุรกิจของคุณ คุณมีขั้นตอนที่ชัดเจนไปยังเป้าหมาย แต่ไม่ว่าคุณกำลังเผชิญหน้ากับอะไรก็ตาม ไม่ว่าเป้าหมายของคุณคือลดน้ำหนัก เรียนดีที่โรงเรียน หรือแค่ทำตามความฝัน คุณจำเป็นต้องคิดให้ออกว่าคุณต้องการอะไรและคุณวางแผนจะทำสิ่งเหล่านั้นด้วยวิธีไหน ถ้าคุณต้องการสิ่งนั้นจริง คุณจะคิดออกได้ไม่ยาก เลิกคิดจากความกลัว.
      พวกเรารู้สึกผิดเวลาคิดในแง่ลบแทนที่เราจะคิดเพื่อยืนยัน เรายุ่งกับการ “ไม่” ต้องการบางอย่าง นั่นเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะไม่มีการลงมือทำถ้าเรายัง “ไม่” ต้องการสิ่งเหล่านั้น คุณไม่สามารถตัดสินใจทำบางอย่างเป็นเพราะคุณ “ไม่” อยากทำอีกอย่าง นั่นไม่ใช่วิถีที่ควรจะเป็น การคิดแบบนั้นก็แค่ทำให้คุณอยู่บนโซฟาและไม่ลงมือทำอะไรเลย ความกลัวเป็นอันตรายด้วยเหตุผลสองข้อ 1) ความกลัวจะทำให้คุณไม่มีแรงบันดาลใจ เป้าหมายในแง่ลบไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลงมือทำให้สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น 2) เป้าหมายลบจะดูดพลังงานจากคุณ มันแย่นะที่ต้องอยู่บนความหวาดกลัว เพราะนั่นจะทำให้คุณอยู่ในภาวะสับสนงงงวย คุณจะไม่มีวันได้แรงบันดาลใจ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้เลย
 
ปราโมทย์ โชติช่วง ณ ราชบุรี 

เคล็ดลับ กับความจำ

เคล็ดลับ
  • คิดถึงเวลาที่คุณหาแรงบันดาลใจให้ตัวเองและเห็นประโยชน์ของมัน
  • โฟกัสกับตัวเองและความสามารถของคุณ: การจัดการกับเวลาและพื้นที่ ถ้าคุณสามารถจัดการกับเวลาและทำงานที่มีเวลาให้คุณสร้างแรงบันดาลใจและทำสิ่งที่จะบรรลุเป้าหมายของคุณได้ คุณจะมีความคืบหน้าบ้าง
  • ใช้อินเทอร์เน็ตหาคำตอบของปัญหาของคุณ ค้นหาผ่านกูเกิ้ลคีย์คำหลัก (main word) และอ่านมากที่สุดเท่าที่คุณจะอ่านได้ การอ่านบทความจะให้ความคิดและพลังงานที่จะแก้ปัญหาสำหรับคุณ
  • รู้เหตุผลของคุณ เขียนว่าทำไมคุณต้องทำเป้าหมายนั้นให้สำเร็จ นี่จะทำให้คุณมีพลังอยู่
  • กำจัดสิ่งรบกวนที่อาจขัดขวางแรงบันดาลใจของคุณ
  • อย่าใช้อินเทอร์เน็ตในตอนเช้า นี่อาจทำให้คุณวนเวียนดูเว็บไซต์ไล่ทีละอัน นี่จะลดความกระตือรือร้นของคุณ ดังนั้น ทำสิ่งที่สำคัญที่สุดอันแรกก่อนสำหรับวันนั้นทันทีหลังคุณตื่นนอน ถ้าคุณทำงานออนไลน์ สำคัญที่จะเริ่มงานที่สำคัญที่สุดทันที แทนที่จะเล่นอินเทอร์เน็ตหรืออ่านข่าว อย่าทำอย่างนั้น เริ่มลงมือทำงานสำคัญก่อนทันที
  • สร้างกิจวัตร เขียน “รายการในแต่ละวัน” ของทุกสิ่งที่คุณต้องทำหลังคุณตื่นนอน (พร้อมระบุเวลา) ทำตามแผนนี้อย่างน้อยสองสามสัปดาห์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและทิศทางที่ดี
       ทำผังความก้าวหน้าของคุณ. มนุษย์ปุถุชนมักต้องการสิ่งที่จับต้องได้เป็นธรรมดา คุณรู้ว่ามีหายคนที่เกลียดศิลปะแบบนามธรรมใช่ไหม? มันยากที่จะเข้าใจได้ อังนั้น เมื่อคุณอยู่บนเส้นทางไปสู่ความยิ่งใหญ่ ทำสิ่งต่างๆ ให้จับต้องได้เท่าที่จะเป็นไปได้ รักษาความก้าวหน้าขอคุณไว้เพื่อที่คุณจะได้นั่งลงและมองเห็นสิ่งยอดเยี่ยมต่างๆ ที่คุณทำ ทีนี้ “นั่นล่ะ”เป็นแรงบันดาลใจ! คอยจดบันทึกงานที่คุณทำ บันทึกหน้าที่ของคุณทุกๆ วัน (ไม่ว่าคุณจะทำเสร็จหรือไม่ก็ตาม) และเช็คอินเพื่อดูว่าคุณไปถึงเป้าหมายย่อยหรือยัง พกบันทึกนี้ติดตัวคุณในทุกๆ ที่ที่คุณไป!
   
ปราโมทย์ โชติช่วง ณ ราชบุรี

ลมหายใจ


ลมหายใจ
เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้ายาว,
เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกยาว;
เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่าเราหายใจเข้าสั้น,
เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกสั้น;
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง (สพฺพกายปฏิสํเวที) หายใจเข้า”,
ว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจออก”;
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้ทำกายสังขารให้รำงับอยู่ (ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารํ) หายใจเข้า”,
ว่า “เราเป็นผู้ทำกายสังขารให้รำงับอยู่ หายใจออก”;

เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ (ปีติปฏิสํเวที) หายใจเข้า”,
ว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติ หายใจออก”;
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข (สุขปฏิสํเวที) หายใจเข้า”,
ว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข หายใจออก”;
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร (จิตฺตสงฺขารปฏิสํเวที) หายใจเข้า”,
ว่า “เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร หายใจออก”;
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า “เราเป็นผู้ทำจิตตสังขารให้รำงับอยู่ (ปสฺสมฺภยํ จิตฺตสงฺขารํ) หายใจเข้า”,
ว่า “เราเป็นผู้ทำจิตตสังขารให้รำงับอยู่ หายใจออก”;

ปลงซะ

ปลงซะ
เพราะอาศัยตัณหา (ความอยาก) จึงมี การแสวงหา (ปริเยสนา);
เพราะอาศัยการแสวงหา จึงมี การได้ (ลาโภ);
เพราะอาศัยการได้ จึงมี ความปลงใจรัก (วินิจฺฉโย);
เพราะอาศัยความปลงใจรัก จึงมี ความกำหนัดด้วยความพอใจ (ฉนฺทราโค);
เพราะอาศัยความกำหนัดด้วยความพอใจ จึงมี ความสยบมัวเมา (อชฺโฌสานํ);
เพราะอาศัยความสยบมัวเมา จึงมี ความจับอกจับใจ (ปริคฺคโห);
เพราะอาศัยความจับอกจับใจ จึงมี ความตระหนี่ (มจฺฉริยํ);
เพราะอาศัยความตระหนี่ จึงมี การหวงกั้น (อารกฺโข);
เพราะอาศัยการหวงกั้น จึงมี เรื่องราวอันเกิดจากการหวงกั้น (อารกฺขาธิกรณํ);
กล่าวคือ การใช้อาวุธไม่มีคม การใช้อาวุธมีคม
การทะเลาะ การแก่งแย่ง การวิวาท
การกล่าวคำหยาบว่า “มึง ! มึง !”
การพูดคำส่อเสียด
และการพูดเท็จทั้งหลาย :
ธรรมอันเป็นบาปอกุศลเป็นอเนก ย่อมเกิดขึ้นพร้อม
ด้วยอาการอย่างนี้.

สิ้นความอยาก ก็สิ้นทุกข์

สิ้นความอยาก ก็สิ้นทุกข์
นิสฺสิตสฺส จลิตํ
ความหวั่นไหว ย่อมมี แก่บุคคลผู้อันตัณหาและทิฏฐิอาศัยแล้ว
อนิสฺสิตสฺส จลิตํ นตฺถิ;
ความหวั่นไหว ย่อมไม่มี แก่บุคคลผู้อันตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัยแล้ว
จลิเต อสติ ปสฺสทฺธิ;
เมื่อความหวั่นไหว ไม่มี, ปัสสัทธิ ย่อมมี
ปสฺสทฺธิยา สติ นติ น โหติ;
เมื่อปัสสัทธิ มี, ความน้อมไป ย่อมไม่มี
นติยา อสติ อาคติคติ น โหติ;
เมื่อความน้อมไป ไม่มี, การไปและการมา ย่อมไม่มี
อาคติคติยา อสติ จุตูปปาโต น โหติ;
เมื่อการไปการมา ไม่มี, การเคลื่อนและการบังเกิด ย่อมไม่มี
จุตูปปาเต อสติ เนวิธ น หุรํ น อุภยมนฺตเร:
เมื่อการเคลื่อนและการบังเกิดไม่มี, อะไรๆ ก็ไม่มีในโลกนี้
ไม่มีในโลกอื่น ไม่มีในระหว่างแห่งโลกทั้งสอง

เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺส
นั่นแหละ คือที่สุดแห่งทุกข์ละ.

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

บ้านเรานะ

พอเพียง
    การดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต    จะมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อมอาจเป็นความสัมพันธ์ทางบวกหรือทางลบ จะเห็นได้ว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตชนิดใดสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยลำพังโดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งแวดล้อม ดังนั้นถ้าสิ่งแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลงย่อมส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยในสิ่งแวดล้อมนั้นด้วย  เช่น  การดำรงชีวิตของพืช  สัตว์ และสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอื่นๆ
     การพึ่งพาอาศัยกันและมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมที่ไม่มีชีวิต เช่น แร่ธาตุ แสงแดด มีการใช้พลังงานและแลกเปลี่ยนสารอาหารซึ่งกันและกันเป็นวัฏจักรที่ดำเนินไปเป็นระบบภายใต้ความสมดุลของธรรมชาติ ดังนั้นหากระบบมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นและส่งผลกระทบเกี่ยวเนื่องไปทั้งระบบ และทำให้เกิดปัญหากับการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตอื่นๆระหว่างสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันหรือต่างชนิดกัน
      เนื่องจากมีความต้องการปัจจัยพื้นฐานเหมือนกันแต่มีจำนวนจำกัด หรือมีไม่เพียงพอที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ได้เป็นปกติ  เช่น  การแย่งชิงน้ำ  อาหาร  แสงสว่าง  ที่อยู่อาศัย   เช่น การที่พืชสองชนิดขึ้นอยู่ใกล้เคียงกันจะแก่งแย่งกันครอบครองพื้นที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร  บางครั้งฝ่ายที่อ่อนแอกว่าจะถูกแก่งแย่งจนตายไปธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง  ให้เสื่อมโทรมก่อให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่มนุษย์  เนื่องจากเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วเป็นการยากที่จะทำให้กลับมามีสภาพดังเดิม
      การเปลี่ยนแปลงอาจก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อมนุษย์  เช่น  การทำลายป่า  การถมคลอง  หนอง  บึง  ทำให้เกิดความแห้งแล้ง  น้ำท่วม  น้ำป่าไหลหลากอย่างรวดเร็ว  ดังนั้นการรักษาระบบนิเวศให้คงสภาพตามธรรมชาติ  หรือก่อให้เกิดความ    สมดุลอย่างเสมอจะอำนวยประโยชน์ให้แก่มนุษย์อย่างมากมายแนวความคิดในเรื่องของนิเวศพัฒนาจึงเกิดขึ้น
    นายปราโมทย์ โชติช่วง  ณ ราชบุรี
     

ธรรมชาติ

ทุ่งนา
      ท้องทุ่งนา ความสมดุลทางธรรมชาติ เป็นภาวะการณ์ทางธรรมชาติของระบบนิเวศใดก็ตามที่ระบบความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบเป็นไปอย่างสมบูรณ์  หมายความว่า  บรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในระบบนิเวศจะต้องทำหน้าที่ครบถ้วน  3  กลุ่ม  คือ  มีทั้งผู้ผลิต  ผู้บริโภคและผู้ย่อยสลาย  ในส่วนของสิ่งไม่มีชีวิตเองก็ทำหน้าที่สนับสนุนอย่างต่อเนื่องไม่ขาดหาย ความสมดุลทางธรรมชาติมีความแตกต่างกันไปตามความแตกต่างของระบบนิเวศ  ซึ่งในธรรมชาติระบบนิเวศจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา  การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นไปโดยธรรมชาติหรือโดยมนุษย์ก็ได้  ลักษณะการเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้  2  แบบ  คือ  แบบกระทันหันและแบบค่อยเป็นค่อยไป การเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศโดยธรรมชาติแบบกระทันหัน ทำให้ระบบนิเวศเสียสมดุลและมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต  ทำให้ตายหรือสูญพันธุ์ไปได้ง่าย  เช่น  การเกิดไฟไหม้ป่า  อุทกภัย  การเกิดโรคระบาด  ฯลฯ 
        สำหรับการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปตามธรรมชาติ  เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ ก่อให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งสิ่งมีชีวิตอื่นน้อยมาก  แต่เมื่อระยะเวลานานเข้าการเปลี่ยนแปลงจะมีมากขึ้น  จะเกิดผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอย่างเด่นชัดขึ้น  เช่น  ทุ่งนา หรือไร่ร้าง  จะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นทุ่งหญ้าและพืชพวกไม้พุ่มในเวลาต่อมา จนในที่สุดหากไม่มีสิ่งแวดล้อมภายนอกมารบกวนก็จะกลายเป็นป่าที่สมบูรณ์ได้  ดังนั้นสิ่งมีชีวิตจะต้องสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้
                การสูญเสียความสมดุลในระบบนิเวศหากเกิดโดยธรรมชาติ  ระบบนิเวศจะช่วยแก้ไขได้ด้วยตัวเอง  แต่ถ้าเกิดจากมนุษย์จะแก้ไขได้ยากมาก  เมื่อมนุษย์เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการพัฒนาวิถีชีวิตมากขึ้นด้วยเทคโนโลยี  ทำให้ความเป็นอยู่สุขสบายมากขึ้นมนุษย์จึงได้ชื่อว่า  เป็นตัวการทำลายระบบนิเวศมากที่สุด

บ้าน

บ้าน
       บ้าน คือ สิ่งที่ไม่มีชีวิต แต่มันคือชีวิต...คงจะไม่เกินเลยไปนะ หากจะกล่าวเช่นนี้...บ้านจะใหญ่ หรือ บ้านจะเล็ก ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับปริมาณของความสุขที่อยู่ข้างใน หรือจะพูดเปรียบเปรยไปทำนองว่า ปริมาณของความสุขมันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ขนาดของบ้าน ...มีบางอย่างที่ผมจำได้ไม่เคยลืม คือ เสียงโขลกน้ำพริกกะปิแบบไทยๆของแม่ เสียงดัง ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก '''''ในเย็นวันนั้นสมัยที่ผมเองยังเป็นเด็กตัวเล็กๆกำลังเรียนอยู่ในชั้นประถมศึกษา   กลิ่นหอมของมะนาวที่โชยมาพอได้กลิ่น แม่ค่อยๆบรรจงบีบมันลงไปในครก ตามด้วยน้ำปลาตามสูตรการทำของแม่ รสชาดอร่อยถูกใจทุกคนในครอบครัวยิ่งนัก มื้อไหนก็ตามที่ได้กินน้ำพริกปลาทู มีผักบุ้งลวก มะเขือ แตงกวา เป็นเครื่องเคียงด้วยแล้วล่ะก็ ผมจะกินข้าวจนพุงกางอย่างไม่ต้องสงสัย เลยได้ฉายาจากแม่ว่า เจ๊น้ำพริก ถ้าจะพูดว่า ในความคิดของผม น้ำพริกกะปิฝีมือของแม่ผม "อร่อยที่สุดในโลก" ก็คงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดสำหรับผมอยู่ดีนั่นแหละ

หลายครั้งที่ชีวิตของผม ประสบปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องงาน หรือแม้แต่เรื่องความรัก บ้านของผมคือสถานที่ๆเดียวที่ผมได้กำลังใจแบบไร้สารเจือปน มันเป็นคำพูด ที่แสดงถึงความปรารถนาดีจริงๆ ไม่ว่าจะออกมาจากปากของคนที่เป็น พ่อ แม่ พี่ หรือ น้อง หากความเป็นจริงแล้วคำพูดเหล่านั้นจะไม่ได้ทำให้ปัญหาต่างๆคลี่คลายลงเลยก็ตาม  ผมไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า คำพูดเหล่านั้น มันทำให้ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นและสร้างความสุขให้ผมอย่างประหลาด หรืออาจจะเป็นเพราะบ้านคือสถานที่ๆเดียวที่ผมไม่ต้องระแวงระวังว่าจะมีภัยใดๆเคลือบแฝงมากับคำพูดเหล่านั้นก็เป็นไปได้

เรื่องเก่าบางเรื่องของผมที่หยิบยกมาเล่านี้ ก็เพราะเรื่องราวเรื่องนั้นมันเป็นความทรงจำที่สุดวิเศษ ผมคิดว่าไม่เฉพาะแต่ผมเท่านั้น ที่มีความทรงจำดีๆเช่นนี้กับคนในบ้าน
แม้ว่าบ้านที่ผม หรือที่คุณๆจะอาศัยอยู่อาจเป็นแค่เพียงหลังเล็กๆ บางบ้านอาจจะเป็นแค่กระท่อมน้อยๆ หลังคามุงจากด้วยซ้ำไป แต่บ้านก็ยังเป็นบ้านที่สามารถสร้างความสุขให้กับเราเหมือนลอยอยู่ในวิมานชั้นฟ้า
 
นายปราโมทย์ โชติช่วง ณ ราชบุรี

แสงดาว สาดแสงเดือน

แสงดาว สาดแสงเดือน
 พร่างพรายแสง ดวงดาวน้อยสกาว
ส่องฟากฟ้า เด่นพราวไกลแสนไกล
ดั่งโคมทอง ส่องเรืองรุ้งในหทัย
เหมือนธงชัย ส่องนำจากห้วงทุกข์ทน
พายุฟ้า ครืนข่มคุกคาม
เดือนลับยาม แผ่นดินมืดมน
ดาวศรัทธา ยังส่องแสงเบื้องบน
ปลุกหัวใจ ปลุกคนอยู่มิวาย
ขอเยาะเย้ย ทุกข์ยากขวากหนามลำเค็ญ
 
คนยังคง ยืนเด่นโดยท้าทาย
แม้นผืนฟ้า มืดดับเดือนลับมลาย
ดาวยังพราย ศรัทธาเย้ยฟ้าดิน
ดาวยังพราย อยู่จนฟ้ารุ่งราง

 
ขอขอบคุณ
จิตร ภูมิศักดิ์

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

อยากมีงานทำบ้างครับ

อยากมีงานทำบ้างครับ

น้อยนิด แต่ยิ่งใหญ่มหาศาล

ใช่นะ
  "น้อยนิด...แต่ยิ่งใหญ่มหาศาล" อย่างแท้จริง

      ในแง่วัตถุ คนที่นี่อาจจะไม่ได้มีมาก แต่เขาก็มีเพียงพอ แต่ในแง่ที่ไม่ใช่วัตถุแล้ว คนที่นี่เขามีมากมายมหาศาลจริง ๆ เขามีลำธารให้เล่นแทนสระน้ำ มีป่าเขาแสนสวยสุดลูกหูลูกตา มีเสียงแมลงและเสียงน้ำไหลให้ได้ยินทุกคืน มีอากาศบริสุทธิ์พร้อมกลิ่นธรรมชาติที่พวกเราคนเมืองไม่มีโอกาสได้สูดดม สิ่งที่เรียบง่ายแบบนี้ บางทีมันกลับกลายเป็นอะไรที่หายากสำหรับคนที่อยู่ในเมือง  ผู้คนในเมืองใหญ่มีความต้องการต่างๆ มากมายในชีวิตมากกว่าผู้คนในเมืองเล็ก ทั้งบ้าน รถ เสื้อผ้า มือถือ เครื่องประดับ ฯลฯ
     ในขณะที่นี่เขาอาจจะไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกพรั่งพร้อม รถยนต์คันงามๆแพงลิ่ว สมาทโฟนราคาแพงๆแสนแพง ห้างสรรพสินค้าที่ไว้เดินช้อปหรูหรา กาแฟแก้วแพงๆที่ต้องแย่งกันซื้อ (แต่เวลาซื้อของบนดอย ต่อราคาจัง) แต่เขาก็มีสิ่งที่ภาคภูมิใจมากเพียงพอ เขาอยู่กับธรรมชาติสิ่งแวดล้อมที่สวยสดงดงาม มีอากาศที่บริสุทธิ์ ใกล้ชิดกับญาติพี่น้อง นอนหลับสบาย กินอิ่มในทุก ๆ วัน
 
นายปราโมทย์ โชติช่วง ณ ราชบุรี

หัดวาด

หัดวาด
        เริ่มจากการฝึกหัด หัดวาด หัดเขียน หัดเรียนก่อนจะวาดรูปใดๆให้ได้ดั่งใจปรารถนานั้นควรฝึกพื้นฐานเหล่านี้ก่อนแล้วค่อยวาด ฝึกให้ชำนาญจนสามารถควบคุมมือให้ลากเส้นได้ ลากจนเส้นตรงให้ตรง เฉียงให้เฉียง กลมก็ต้องให้กลมจริงๆ ก่อนที่จะวาดภาพต่อไปถ้าไม่ฝึกพื้นฐานแบบนี้ก่อน อาจทำให้เราหงุดหงิด หงุนหง่าน จนงอแง เมื่อเราไม่สามารถบังคับเส้น หรือกล้ามเนื้อมือให้ได้ดั่งใจได้ปรารถนาเวลาจะลากเส้นตรงดันเบี้ยวเป็นรูปหนอนหนีตายจะหมุนให้กลมเหมือนแสกปั้น กลายเป็นรูปก้อนดินเหนียวร่วงพื้นบิดไปมา
          การพึ่งพาแต่การดราฟจนทำให้ไม่สามารถออกไปสเก็ตภาพที่ไหนได้จะวาดภาพ land scape, sea scape, potrait ที เกร็งจนข้อมือติดขัดเหมือนคอมพิวเตอร์โดนไวรัสร่างกายคล้ายๆถูกสะกดให้นิ่ง อยู่กับที่เหมือนผีจีนที่โดนยันต์แปะหน้าผากให้ยืนสงบอยู่ตรงหน้ากระดาษหรือ ผืนผ้าใบโดยไม่กล้าทำอะไร ในที่สุดเราก็จะเลือกล้มความตั้งใจไปโดยอัตโนมัติ กลายเป็นโดนยึดความมั่นใจไปเหมือนกับการโดนเครื่องกดเงินยึดบัตร เพราะขาดความอดทนกับเราที่ไม่ยอมจำรหัสให้ดี 
        เมื่อท่านได้สังเกตและฝึกฝนการวาดเส้นจนชำนาญ ท่านจะสามารถมองเห็นภาพแสงเงาที่เกิดขึ้นในธรรมชาติได้ง่ายและชัดเจนขึ้น ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์ ถ่ายทอดความรู้สึกที่ท่านมีต่อสิ่งที่พบเห็นเบื้องหน้าของท่านออกมาเป็นงานศิลปะ  เรียกได้ว่า  ท่านมีสายตาศิลปะและเป็นศิลปินได้ 
 
              นายปราโมทย์ โชติช่วง ณ ราชบุรี